คุณสมบัติของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ได้มาตรฐาน

การเลือกเครื่องกำเนิดไฟฟ้าให้ “ได้มาตรฐาน” ไม่ได้หมายถึงแค่เครื่องที่สามารถผลิตไฟได้ตามพิกัดที่ระบุ แต่ยังรวมถึงความสามารถในการใช้งานจริงที่ทนทานในระยะยาว มีความปลอดภัย และสามารถดูแลรักษาได้ง่าย ดังนั้นผู้ใช้งานจึงควรพิจารณาคุณสมบัติเหล่านี้

• เครื่องยนต์ (Engine): เลือกใช้เครื่องยนต์จากผู้ผลิตที่ได้รับการรับรอง เช่น Cummins, Perkins, Doosan หรือ Volvo ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องความทนทานและประสิทธิภาพสูง

• เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Alternator): ต้องเป็นแบรนด์คุณภาพ เช่น Stamford, Leroy Somer, Mecc Alte ที่ให้พลังงานไฟฟ้าเสถียร และมีค่าความผิดเพี้ยนทางไฟฟ้าต่ำ

• ระบบควบคุมอัตโนมัติ (Controller): ควรใช้ระบบควบคุมที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล แสดงผลแบบ Real-time และรองรับการเชื่อมต่อกับระบบ SCADA หรือ Cloud

• ระบบระบายความร้อน: ต้องมีประสิทธิภาพสูงเพื่อรองรับการทำงานต่อเนื่องโดยไม่สะสมความร้อนเกินค่าปลอดภัย

• ตู้ครอบเสียง (Silent Type): หากติดตั้งในพื้นที่อยู่อาศัยหรือแหล่งชุมชน ควรเลือกแบบมีตู้ครอบเสียงที่ผ่านการออกแบบตามมาตรฐานอุตสาหกรรมเพื่อลดมลภาวะทางเสียง

ประโยชน์ของการเลือกเครื่องกำเนิดไฟฟ้าคุณภาพสูง

การเลือกเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานนั้นแม้จะมีราคาสูงกว่ารุ่นทั่วไปบ้างในเบื้องต้น แต่หากพิจารณาในแง่ของผลตอบแทนระยะยาว จะพบว่าคุ้มค่ากว่าอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความต่อเนื่องของระบบงาน ลดความเสียหายจาก Downtime ประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิง ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ลดค่าใช้จ่ายด้านซ่อมบำรุง เพราะอุปกรณ์มีคุณภาพและอะไหล่พร้อม ยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่ารุ่นราคาถูกหลายเท่าตัว เสริมภาพลักษณ์องค์กรที่มีระบบพลังงานมั่นคง มีการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ